iPhone ไม่เพียงแต่เป็นสมาร์ทโฟนที่เราพึ่งพาในชีวิตประจำวัน แต่ยังเป็นตัวแทนของการเชื่อมต่อ, การทำงาน, และความบันเทิง. ด้วยการใช้งานที่หนักหน่วง, แบตเตอรี่เป็นส่วนสำคัญที่ต้องดูแลอย่างดีเยี่ยม. บทความนี้จะนำเสนอข้อมูลที่จำเป็นเกี่ยวกับการเปลี่ยนแบตเตอรี่ iPhone 13 iPhone 14 iPhone 15 ราคาเท่าไหร่, ขั้นตอนการเปลี่ยน, และเคล็ดลับในการดูแลรักษา.
เลือกเนื้อหาที่ต้องการอ่าน
ทำไมต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ iPhone
- เพิ่มประสิทธิภาพการใช้งาน: การเปลี่ยนแบตเตอรี่ช่วยให้เครื่องของคุณทำงานได้อย่างราบรื่น ลดปัญหาการดับของเครื่องหรือการชาร์จที่ไม่เสถียร.
- ยืดอายุการใช้งาน: แบตเตอรี่ใหม่ช่วยยืดอายุการใช้งานของ iPhone 13 iPhone 14 iPhone 15 ของคุณ, ทำให้คุณไม่ต้องรีบเปลี่ยนเครื่องใหม่เร็วๆ นี้.
ราคาและตัวเลือกในการเปลี่ยนแบตเตอรี่
หากคุณเป็นเจ้าของ iPhone และกำลังพิจารณาการเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ การค้นหาศูนย์บริการที่ได้รับการรับรองจาก Apple และการรู้จักกับราคาและบริการที่เกี่ยวข้องคือขั้นตอนสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะนอกจากจะรับประกันว่าคุณจะได้แบตเตอรี่และบริการที่มีคุณภาพแล้ว ยังช่วยให้คุณวางแผนค่าใช้จ่ายและเตรียมตัวสำหรับการเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้อย่างเหมาะสม
เริ่มต้นที่การค้นหาศูนย์บริการที่ได้รับอนุญาตจาก Apple นับเป็นหัวใจสำคัญในการเลือกทำการซ่อมและบริการเปลี่ยนแบตเตอรี่ iPhone ของคุณ เนื่องจากศูนย์บริการเหล่านี้ได้ผ่านการรับรองมาตรฐานและมีช่างที่ได้รับการฝึกอบรมจาก Apple ทั้งนี้คุณสามารถค้นหาศูนย์บริการที่อยู่ใกล้ที่สุดผ่านทางเว็บไซต์หรือแอป Apple Support เพื่อความสะดวกสบายในการจัดการบริการ
ต่อมาคือการเตรียมตัวสำหรับค่าใช้จ่าย ณ เวลาการเขียนนี้ ราคาที่จะต้องจ่ายในการเปลี่ยนแบตเตอรี่ iPhone 13 ที่ศูนย์บริการที่ได้รับอนุญาตจาก Apple คือ 3,290 บาท ไม่ว่าจะเป็น
- iPhone 13 Mini,
- iPhone 13,
- iPhone 13 Pro
- iPhone 13 Pro Max
ส่วนราคาค่าใช้จ่าย สำหรับรุ่น iPhone 14 ขึ้นไปจะอยู่ที่ 3,690 บาท ไม่ว่าจะเป็นรุ่น
- iPhone 14
- iPhone 14 Plus
- iPhone 14 Pro
- iPhone 14 Pro Max
- iPhone 15
- iPhone 15 Plus
- iPhone 15 Pro
- iPhone 15 Pro Max
ซึ่งราคานี้รวมค่าบริการและแบตเตอรี่เป็นของแท้จาก Apple ทั้งหมดแล้ว อย่างไรก็ดี ควรจำไว้ว่าราคาเปลี่ยนแบตเตอรี่อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ ดังนั้นควรตรวจสอบข้อมูลล่าสุดก่อนการนัดหมาย หากต้องการเปลี่ยนแบตเตอรี่ที่มีค่าราคาถูกนี้ก็สามารถเปลี่ยนได้ที่ร้านนอกศูนย์บริการ อ่านเพิ่มเติมที่ได้นี่ ร้านซ่อมนอกศูนย์บริการ
ในขณะที่บริการที่ศูนย์อย่างเป็นทางการจะให้คุณมั่นใจได้ถึงคุณภาพ แต่ก็มีตัวเลือกอื่นที่คุณสามารถพิจารณาได้ เช่น การใช้บริการจากผู้ให้บริการที่ไม่ได้รับการรับรองจาก Apple ซึ่งอาจมีราคาที่ถูกกว่า อย่างไรก็ตาม การใช้บริการจากที่อื่นอาจส่งผลต่อการรับประกันหรือคุณภาพของแบตเตอรี่ที่ไม่ได้มาตรฐานเดียวกับ Apple ควรศึกษาข้อมูลและอ่านรีวิวจากลูกค้าอื่นๆ ก่อนทำการตัดสินใจ
อีกประเด็นสำคัญคือการพิจารณาสถานการณ์ที่ iPhone ของคุณอาจมีความเสียหายที่ไม่เกี่ยวข้องกับแบตเตอรี่ เช่น หน้าจอแตกหรือปัญหาเชื่อมต่อ ซึ่งอาจทำให้ค่าใช้จ่ายในการซ่อมเพิ่มขึ้น ดังนั้นคุณควรทำการตรวจสอบ iPhone ของคุณอย่างละเอียดก่อนนำเข้าศูนย์บริการ เพื่อหลีกเลี่ยงค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิด
สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด หากคุณมีแผน AppleCare+ แบตเตอรี่ของคุณอาจได้รับการเปลี่ยนโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายหากยังอยู่ในระยะเวลาความคุ้มครองและมีความจุน้อยกว่า 80% ของความจุเดิม เป็นตัวเลือกที่ดีที่จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ได้
จำไว้ว่าการเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่เป็นการลงทุนในการยืดอายุการใช้งานของ iPhone ของคุณ การเลือกใช้บริการที่เหมาะสมและคุ้มค่าจะช่วยให้คุณมีความสุขกับ iPhone ของคุณได้อีกนาน พร้อมทั้งยังช่วยรักษาคุณภาพและประสิทธิภาพของเครื่องให้อยู่ในสภาพที่ดีที่สุด
ข้อควรระวังก่อนการเปลี่ยนแบตเตอรี่ iPhone
ก่อนที่คุณจะเข้าสู่กระบวนการเปลี่ยนแบตเตอรี่สำหรับ iPhone 13 ของคุณ มีหลายข้อที่คุณควรพิจารณาและเตรียมตัวอย่างรอบคอบ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในภายหลัง และเพื่อความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล ดังนี้คือรายการของข้อควรระวังที่สำคัญก่อนที่คุณจะนำเครื่องไปเปลี่ยนแบตเตอรี่:
1. การสำรองข้อมูลของคุณ
ก่อนอื่น คุณควรสำรองข้อมูลที่สำคัญทั้งหมดบน iPhone ของคุณ เพื่อป้องกันการสูญเสียข้อมูลในกรณีที่มีปัญหาเกิดขึ้นระหว่างกระบวนการเปลี่ยนแบตเตอรี่ คุณสามารถสำรองข้อมูลของคุณได้ผ่าน iCloud หรือ iTunes ดังต่อไปนี้:
ผ่าน iCloud: เชื่อมต่อเครื่องกับ Wi-Fi จากนั้นไปที่ ‘การตั้งค่า’ > [ชื่อผู้ใช้] > iCloud > สำรอง iCloud > ‘สำรองข้อมูลตอนนี้’
ผ่าน iTunes: เชื่อมต่อ iPhone ของคุณกับคอมพิวเตอร์ และใช้ iTunes เพื่อทำการสำรองข้อมูล
การทำสำรองข้อมูลทำให้คุณสามารถคืนค่าข้อมูลลงบน iPhone หลังจากที่แบตเตอรี่ถูกเปลี่ยนแล้ว หรือบนเครื่องใหม่หากจำเป็น
2. ปิดคุณสมบัติ Find My iPhone
คุณจำเป็นต้องปิดคุณสมบัติ Find My iPhone ก่อนนำเครื่องไปซ่อม เนื่องจากฟังก์ชันนี้อาจป้องกันไม่ให้ศูนย์บริการสามารถทำการซ่อมได้ คุณสามารถปิดโดยไปที่ ‘การตั้งค่า’ > [ชื่อผู้ใช้] > iCloud > Find My > Find My iPhone แล้วปิดมัน
3. ตรวจสอบว่ามีความเสียหายอื่น ๆ หรือไม่
ก่อนการเปลี่ยนแบตเตอรี่ คุณควรตรวจสอบ iPhone ของคุณให้ละเอียดเพื่อดูว่ามีความเสียหายที่อาจส่งผลต่อการเปลี่ยนแบตเตอรี่หรือไม่ เช่น หน้าจอที่แตกหรือปุ่มที่ไม่ทำงาน การแจ้งให้ศูนย์บริการทราบถึงความเสียหายเหล่านี้ก่อนการเปลี่ยนแบตเตอรี่อาจช่วยลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น
4. พิจารณาการรับประกันของคุณ
ตรวจสอบสถานะการรับประกันของ iPhone 13 ของคุณ หากยังอยู่ในระยะเวลาการรับประกัน หรือถ้าคุณมี AppleCare+ การเปลี่ยนแบตเตอรี่อาจมีค่าใช้จ่ายที่ต่ำกว่าหรือไม่มีค่าใช้จ่ายเลย
5. รหัสผ่านและรหัสล็อคหน้าจอ
หากคุณมีรหัสผ่านหรือรหัสล็อคหน้าจอ จำเป็นต้องปิดมันก่อนที่จะส่งเครื่องเข้าซ่อม เพื่อให้เทคนิคของศูนย์บริการสามารถทดสอบและตรวจสอบการทำงานของเครื่องหลังจากการเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้
เมื่อคุณได้ดำเนินการตามขั้นตอนเตรียมพร้อมทั้งหมดแล้ว คุณก็พร้อมที่จะนำ iPhone ของคุณไปที่ศูนย์บริการเพื่อเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ การเตรียมพร้อมที่ดีจะช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่า iPhone ของคุณจะกลับมาอยู่ในสภาพที่ดีที่สุดหลังจากการบริการ และคุณจะไม่สูญเสียข้อมูลสำคัญหรือพบกับปัญหาเฉพาะหลังจากการซ่อมแซม
วิธีการเปลี่ยนแบตเตอรี่ด้วยตัวเองและความเสี่ยงที่อาจตามมา
การเปลี่ยนแบตเตอรี่ของ iPhone 13 iPhone 14 iPhone 15 ด้วยตัวเองเป็นทางเลือกที่ผู้ใช้บางคนอาจพิจารณา เนื่องจากอาจช่วยลดค่าใช้จ่ายและความสะดวกในการไม่ต้องนำเครื่องไปที่ศูนย์บริการ อย่างไรก็ตาม กระบวนการนี้มีความเสี่ยงและความซับซ้อน ดังนั้นควรทำความเข้าใจขั้นตอนการเปลี่ยนแบตเตอรี่อย่างละเอียดและตระหนักถึงความเสี่ยงที่อาจตามมา
ข้อควรระวังและคำแนะนำก่อนเริ่มการเปลี่ยนแบตเตอรี่ด้วยตัวเอง
- เตรียมเครื่องมือที่เหมาะสม: การเปลี่ยนแบตเตอรี่ iPhone ต้องใช้เครื่องมือเฉพาะ เช่น ไขควงสำหรับ iPhone ,แบตใหม่,อื่นๆ
- ระมัดระวังกับแบตเตอรี่: แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนอาจระเบิดหรือเกิดประกายไฟหากถูกแทงหรือบดอัดอย่างรุนแรง
- ปฏิบัติตามคู่มือซ่อมอย่างเคร่งครัด: ควรศึกษาคู่มือซ่อมจากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ เช่น iFixit, ซึ่งให้รายละเอียดขั้นตอนและภาพประกอบที่ชัดเจน
- หลีกเลี่ยงการสูญเสียการรับประกัน: การเปลี่ยนแบตเตอรี่ด้วยตัวเองอาจทำให้สูญเสียการรับประกันจาก Apple ซึ่งคุณจะไม่สามารถเรียกร้องความคุ้มครองในอนาคตได้
- ปิดเครื่องก่อนเริ่มงาน: ต้องปิดเครื่อง iPhone และถอดซิมการ์ดออกเพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดความเสียหายที่ไม่ต้องการ
- สำรองข้อมูล: ก่อนที่จะเริ่มกระบวนการซ่อม เพื่อความปลอดภัยของข้อมูลสำคัญ ควรสำรองข้อมูลของคุณไว้ก่อน
- ใช้ความระมัดระวังกับแถบกาวยืดหยุ่น: การถอดแบตเตอรี่อาจเป็นเรื่องยากเนื่องจากติดด้วยแถบกาวยืดหยุ่น ต้องใช้ความระมัดระวังและความอดทนเพื่อไม่ให้แบตเตอรี่ฉีกหรือระเบิด
- การทดสอบหลังการเปลี่ยนแบตเตอรี่: หลังจากเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ ควรทดสอบการทำงานของเครื่องโดยการชาร์จ และดูว่า iPhone สามารถเปิดติดและทำงานได้ตามปกติหรือไม่
ขั้นตอนการเปลี่ยนแบตเตอรี่ iPhone ด้วยตัวเอง
- การแกะจอ: ใช้ไขควงถอดสกรูที่ด้านล่างของ iPhone ใช้เครื่องมือดูดเพื่อยกหน้าจอออกจากตัวเครื่องอย่างระมัดระวัง
- ไขน็อตภายในบอดี้: ใช้ไขควงที่เหมาะสมในการถอดสกรูต่างๆ และทำการถอดสายแพรหน้าจอและแบตเตอรี่ออกจากตัวเครื่อง
- ถอดแบตเตอรี่เดิมออก: ใช้ความอ่อนโยนในการดึงแถบกาวที่ยึดแบตเตอรี่กับเคส สามารถใช้ความร้อนเพื่อช่วยในการถอดแบตเตอรี่ได้ถ้าจำเป็น
- ติดตั้งแบตเตอรี่ใหม่: วางแบตเตอรี่ใหม่ลงในตำแหน่งที่ถูกต้อง และใช้แถบกาวใหม่หรือแถบกาวยืดหยุ่นสำหรับยึดแบตเตอรี่กับตัวบอดี้
- การประกอบกลับ: ทำการประกอบเชื่อมต่อสายแพรและสกรูต่างๆ กลับเข้าที่ และติดตั้งหน้าจอกลับเข้าสู่ตัวเครื่องอย่างระมัดระวัง
การเปลี่ยนแบตเตอรี่ด้วยตัวเองเป็นหัวข้อที่มีความเสี่ยงสูงและต้องมีความชำนาญในการดำเนินการ โปรดทราบว่าการทำผิดพลาดอาจนำไปสู่ความเสียหายที่ไม่สามารถซ่อมแซมได้ หรือสถานการณ์ที่เลวร้ายยิ่งกว่านั้น ถ้าคุณไม่มั่นใจในฝีมือของตัวเอง การใช้บริการจากผู้เชี่ยวชาญหรือศูนย์บริการที่ได้รับอนุญาตจาก Apple จะเป็นตัวเลือกที่ปลอดภัยกว่ามาก.
ขั้นตอนก่อนการนำ iPhone ไปเปลี่ยนแบตเตอรี่
- การเตรียมพร้อม: สำรองข้อมูล iPhone ของคุณเพื่อป้องกันการสูญเสียข้อมูล.
- นัดหมาย: นัดหมายล่วงหน้ากับศูนย์บริการของ Apple หรือร้านซ่อมที่คุณเลือก.
- การซ่อม: ศูนย์บริการหรือร้านซ่อมจะทำการเปลี่ยนแบตเตอรี่, ซึ่งปกติจะใช้เวลาไม่นาน.
การดูแลรักษาแบตเตอรี่หลังการเปลี่ยนใหม่
หลังจากที่คุณได้ทำการเปลี่ยนแบตเตอรี่ iPhone 13 ของคุณแล้ว สิ่งสำคัญคือต้องดูแลแบตเตอรี่ใหม่อย่างถูกวิธีเพื่อยืดอายุการใช้งานและรักษาประสิทธิภาพให้คงที่ได้นานที่สุด ข้างต้นนี้คือเคล็ดลับสำคัญที่จะช่วยในการดูแลรักษาแบตเตอรี่หลังจากที่เปลี่ยนใหม่
1. การชาร์จที่เหมาะสม
แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนที่ใช้ใน iPhone ไม่จำเป็นต้องชาร์จเต็ม 100% เสมอไป ควรหลีกเลี่ยงการชาร์จแบตเตอรี่จนเต็มทุกครั้งเนื่องจากอาจทำให้แบตเตอรี่เกิดความเครียดและสึกหรอได้ เช่นเดียวกัน การใช้แบตเตอรี่จนหมดสิ้น (0%) บ่อยครั้งก็อาจทำลายความจุของแบตเตอรี่ได้ การชาร์จเป็นระยะระหว่าง 20% ถึง 80% จะช่วยให้แบตเตอรี่มีสุขภาพที่ดีขึ้น
2. หลีกเลี่ยงการชาร์จข้ามคืน
การชาร์จแบตเตอรี่ข้ามคืนอาจทำให้แบตเตอรี่ได้รับความร้อนสะสม เนื่องจากเมื่อแบตเตอรี่เต็มแล้ว จะยังคงได้รับกระแสไฟเล็กน้อยเพื่อทดแทนการใช้งานที่ต่ำในขณะชาร์จ แม้ว่า iPhone 13 14 15 จะมีระบบจัดการความร้อนที่ดีแต่การเปิดเครื่องชาร์จเป็นเวลานานโดยไม่จำเป็นก็ควรหลีกเลี่ยง
3. ใช้เคสที่เหมาะสม
การใช้เคสที่ออกแบบมาไม่ดีอาจทำให้เครื่อง iPhone ร้อนขึ้นระหว่างการใช้งานและชาร์จ ควรเลือกใช้เคสที่มีการระบายอากาศที่ดีเพื่อช่วยลดการสะสมความร้อนในเครื่อง
4. หลีกเลี่ยงแหล่งความร้อน
ให้หลีกเลี่ยงการวาง iPhone 13 ของคุณในสถานที่ที่มีแดดจัดหรือมีอุณหภูมิสูง เนื่องจากความร้อนส่วนเกินจะทำให้แบตเตอรี่สูญเสียความจุได้เร็วขึ้น
5. การอัพเดทซอฟต์แวร์
อย่าลืมอัพเดทซอฟต์แวร์ของ iPhone 13 ของคุณเป็นประจำ การอัพเดทเป็นสิ่งสำคัญเพราะบางครั้งอาจมีการปรับปรุงที่เกี่ยวข้องกับการจัดการพลังงานและการประหยัดแบตเตอรี่
6. การจัดการแอปพลิเคชัน
ปิดหรือลบแอปที่ไม่จำเป็นที่ทำงานอยู่ในพื้นหลังและคอยใช้พลังงานแบตเตอรี่อยู่ตลอดเวลา สามารถตรวจสอบได้จากส่วน ‘Battery’ ใน ‘Settings’ และดูว่าแอปพลิเคชันใดใช้พลังงานมากที่สุด
7. การตั้งค่าเพื่อประหยัดพลังงาน
ใช้โหมดประหยัดพลังงานเมื่อจำเป็น และปรับลดความสว่างของหน้าจอ ปิดการใช้งานการอัพเดทแอปพลิเคชันในพื้นหลัง และปิดบริการตำแหน่งที่ไม่จำเป็นเพื่อช่วยยืดอายุแบตเตอรี่
8. ความรู้เกี่ยวกับแบตเตอรี่
มีความรู้เกี่ยวกับสถานะแบตเตอรี่ของคุณ โดยใช้ฟังก์ชัน ‘Battery Health’ ใน ‘Settings’ เพื่อตรวจสอบความจุสูงสุดของแบตเตอรี่และอื่นๆ เพื่อเข้าใจการใช้พลังงาน
โดยการปฏิบัติตามเคล็ดลับเหล่านี้ จะช่วยให้คุณรักษาคุณภาพและอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ iPhone ให้ดีที่สุด และนอกจากนี้ยังส่งผลให้ประสิทธิภาพของเครื่องของคุณคงที่ และลดโอกาสที่จะต้องทำการเปลี่ยนแบตเตอรี่บ่อยครั้ง การดูแลแบตเตอรี่ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของการเปลี่ยนแบตเตอรี่เมื่อมันเสื่อมสภาพ แต่ยังรวมถึงการดูแลรักษาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้แบตเตอรี่ใหม่ที่คุณได้ลงทุนไปมีคุณค่าสูงสุด.
สรุป
การเปลี่ยนแบตเตอรี่สำหรับ iPhone 13 14 15 เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าเพื่อรักษาประสิทธิภาพและยืดอายุการใช้งานของเครื่อง. ด้วยความรู้เกี่ยวกับราคาและขั้นตอนการเปลี่ยน, รวมถึงเคล็ดลับการดูแลรักษาสามารถช่วยให้แบตเตอรี่และ iPhone ของคุณทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ.
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการเปลี่ยนแบต iPhone
คุณสามารถตรวจสอบสุขภาพแบตเตอรี่ของ iPhone โดยไปที่ “การตั้งค่า” > “แบตเตอรี่” > “สุขภาพแบตเตอรี่”. คุณสามารถดูความจุสูงสุดของแบตเตอรี่และความสามารถในการประมวลผลแบบพีคได้.
คุณควรพิจารณาเปลี่ยนแบตเตอรี่เมื่อ “ความจุสูงสุด” ลดลงมาอยู่ที่ประมาณ 80% หรือหากคุณสังเกตเห็นปัญหาการประมวลผลแบบพีคที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการใช้งาน.
การอัปเดต iOS สามารถช่วยปรับปรุงการจัดการพลังงานและอาจช่วยให้แบตเตอรี่มีประสิทธิภาพดีขึ้นในบางกรณี อย่างไรก็ตาม, มันไม่สามารถ “ฟื้นฟู” ความจุของแบตเตอรี่ที่ลดลงจากการใช้งานได้.
การใช้ชาร์จเจอร์ที่ไม่ได้รับการรับรองจาก Apple อาจเสี่ยงต่อการชาร์จที่ไม่มีประสิทธิภาพและอาจเป็นอันตรายต่อแบตเตอรี่และอุปกรณ์ของคุณ แนะนำให้ใช้ชาร์จเจอร์และสายชาร์จที่ได้รับการรับรองจาก Apple.
iPhone อาจร้อนขึ้นเมื่อชาร์จเนื่องจากการใช้งานหนักหรือการชาร์จในสภาพแวดล้อมที่อุณหภูมิสูง หากอุปกรณ์ร้อนเกินไปอย่างต่อเนื่อง, ควรตรวจสอบกับศูนย์บริการ Apple เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้น.
การชาร์จไร้สายอาจสร้างความร้อนมากกว่าการชาร์จผ่านสาย ซึ่งอาจส่งผลต่อสุขภาพแบตเตอรี่ในระยะยาว แต่การชาร์จไร้สายที่ได้รับการออกแบบมาอย่างดีและการใช้แผ่นชาร์จที่ได้รับการรับรองสามารถลดผลกระทบนี้ได้.
หาก iPhone ปิดตัวเองลงเมื่อแสดงว่าแบตเตอรี่ยังมีความจุอยู่, นี่อาจเป็นสัญญาณของปัญหาแบตเตอรี่เสื่อมมากหรือมีปัญหาทางด้านฮาร์ดแวร์ในตัวเครื่อง หากไม่แน่ใจสามารถนำเครื่องไปตรวจสอบที่ศูนย์บริการหรือร้านซ่อมไอโฟนนอกศูนย์บริการได้ ร้านซ่อมแนะนำมิสเตอร์เซอร์วิส (เช็คเครื่องฟรี)
ติดต่องานซ่อม
ร้าน มิสเตอร์เซอร์วิส ฟิวเจอร์พาร์ครังสิต ชั้น 3 โซนเซ็นทรัล
เปิดบริการทุกวัน
จันทร์ - ศุกร์ เปิด 10.30 - 21.00 น
เสาร์ - อาทิตย์ นักขัตฤกษ์ เปิด 10.00 - 21.00 น
โทร 095-916-9453 (ช่างปอง) หรือ 062-441-5936 (ช่างตั้ม)
บริการรับ-ส่งซ่อม ทั่วประเทศ
ทุกช่องทางทั้ง Kerry Express , Flash Express , Thai Post , Lalamove , GrabBike
ที่อยู่ ร้าน มิสเตอร์ เซอร์วิส ห้าง ฟิวเจอร์พาร์ครังสิต ชั้น 3 โซนเซ็นทรัล ห้องเลขที่ ITS056
ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี 12130 โทร 062-441-5936
ติดต่อขายโทรศัพท์มือถือกับมาขายที่ตั้ม
เปิดบริการทุกวัน
จันทร์ - ศุกร์ เปิด 10.30 - 21.00 น
เสาร์ - อาทิตย์ นักขัตฤกษ์ เปิด 10.00 - 21.00 น
โทร 06-4564-7945