iPhone 15 จอแตก ซ่อมอย่างไรดี มีคำแนะนำ

ในยุคที่เทคโนโลยีสมาร์ทโฟนก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว การประสบปัญหาเกี่ยวกับอุปกรณ์ยังคงเป็นเรื่องที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ โดยเฉพาะกับ iPhone 15 ซึ่งได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย เมื่อจอแตกหรือเกิดความเสียหาย ผู้ใช้จำเป็นต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายในการซ่อมแซม และความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของข้อมูลภายในเครื่อง ในบทความนี้ เราจะพาท่านไปทำความรู้จักกับขั้นตอนและทางเลือกในการจัดการกับ iPhone 15 จอแตก และวิธีการป้องกันปัญหาไอโฟนหน้าจอแตกในอนาคต

เลือกเนื้อหาที่ต้องการอ่าน

สาเหตุที่ทำให้จอ iPhone 15 จอแตก

การตกหรือกระแทกกับพื้นหรือวัตถุแข็ง
- หลายครั้งที่ iPhone 15 จะเกิดความเสียหายได้เนื่องจากการตกจากความสูงหรือกระแทกกับวัตถุแข็ง เช่น กระแทกกับขอบโต๊ะ, ตกลงบนพื้นที่เป็นคอนกรีต หรือกระแทกกับวัตถุที่แข็งแรง
- การตกหรือกระแทกอาจทำให้หน้าจอแตก, บอดี้บิดงอ, หรือเกิดความเสียหายที่บางส่วนของเครื่อง
การกดแรงเกินไปบนหน้าจอ
- การกดหน้าจอด้วยแรงเกินไปหรือใช้วัตถุแข็งกดบนหน้าจออาจทำให้หน้าจอแตกหรือเกิดความเสียหาย
- การใช้งานที่ไม่ระมัดระวัง อาจทำให้เซนเซอร์บนหน้าจอเสียหายหรือไม่ตอบสนอง

ขั้นตอนแรกเมื่อพบว่าจอ iPhone 15 แตก

ปิดเครื่องและหลีกเลี่ยงการใช้งาน
- เมื่อหน้าจอ iPhone 15 ของคุณแตกหรือเกิดความเสียหาย, ควรปิดเครื่องทันทีเพื่อป้องกันความเสียหายเพิ่มเติม การปิดเครื่องจะช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดการสั้นวงจรภายในเครื่อง
- หลีกเลี่ยงการใช้งานเครื่องในสภาพที่มีความชื้นหรือในสภาพที่อาจทำให้ความเสียหายเพิ่มขึ้น
หลีกเลี่ยงการแตะต้องหน้าจอที่แตก
- หน้าจอที่แตกอาจทำให้คุณบาดเจ็บได้ ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงการแตะต้องหรือกดหน้าจอ
- หน้าจอที่แตกอาจทำให้เศษกระจกเข้าไปในเครื่อง ซึ่งอาจทำให้เกิดความเสียหายกับอุปกรณ์ภายใน
ถ่ายรูปหน้าจอที่แตกเพื่อเป็นหลักฐาน
- การถ่ายรูปหน้าจอที่แตกเป็นสิ่งสำคัญเมื่อคุณต้องการเคลมหรือแจ้งปัญหากับศูนย์บริการ ภาพถ่ายจะเป็นหลักฐานที่ชัดเจนแสดงถึงความเสียหายที่เกิดขึ้น
- ในกรณีที่คุณต้องการแจ้งปัญหากับ Apple หรือร้านค้าที่คุณซื้อเครื่อง, ภาพถ่ายจะช่วยให้คุณมีข้อมูลเพิ่มเติมในการอธิบายสถานการณ์

การประเมินความเสียหายและต้นทุนในการซ่อมแซม

ตรวจสอบระยะเวลาประกัน
- การตรวจสอบระยะเวลาประกันของ iPhone 15 ควรเริ่มต้นจากการตรวจสอบใบเสร็จหรือเอกสารที่ได้รับเมื่อซื้อเครื่อง ซึ่งจะระบุระยะเวลาประกัน
- หากคุณลืมหรือทำใบเสร็จหาย, คุณสามารถตรวจสอบระยะเวลาประกันผ่านเลข IMEI ของเครื่องที่เว็บไซต์ของ Apple
- อย่าลืมตรวจสอบเงื่อนไขและข้อกำหนดของการรับประกัน เพื่อทราบว่าปัญหาใดบ้างที่รับประกันครอบคลุม
สอบถามราคาการซ่อมจากศูนย์บริการ
- การสอบถามราคาการซ่อมควรทำโดยตรงกับศูนย์บริการของ Apple หรือ Apple Authorized Service Provider ในพื้นที่ของคุณ
- ราคาการซ่อมอาจแตกต่างกันขึ้นอยู่กับความเสียหายและส่วนที่ต้องการซ่อม
- หากเครื่องของคุณยังอยู่ในระยะเวลาประกัน, บางปัญหาอาจไม่มีค่าใช้จ่าย
การตรวจสอบความเสียหายทางภายนอกและภายใน
- ความเสียหายทางภายนอก เช่น รอยขีด, รอยบุ๋ม, หรือหน้าจอแตก สามารถตรวจสอบได้ด้วยตาเปล่า
- สำหรับความเสียหายภายใน เช่น ปัญหาที่เกี่ยวกับซอฟต์แวร์, การทำงานของแบตเตอรี่, หรือปัญหาการเชื่อมต่อ ควรใช้เครื่องมือการตรวจสอบเฉพาะทางหรือนำไปให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบ

การเลือกศูนย์บริการที่เหมาะสมสำหรับการซ่อม

ศูนย์บริการอย่างเป็นทางการของ Apple
- ศูนย์บริการอย่างเป็นทางการของ Apple คือสถานที่ที่ได้รับการรับรองโดย Apple ในการให้บริการซ่อมแซมและบริการอื่น ๆ สำหรับผลิตภัณฑ์ของ Apple
- ที่นี่มีช่างที่ได้รับการฝึกอบรมโดยตรงจาก Apple และใช้อะไหล่แท้ในการซ่อม
- การซ่อมที่ศูนย์บริการนี้จะไม่ทำให้การรับประกันของเครื่องหมดสิทธิ์
ร้านซ่อมที่ได้รับการรับรองจาก Apple
- ร้านซ่อมที่ได้รับการรับรองจาก Apple คือร้านที่ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของ Apple แต่ได้รับการรับรองในการซ่อมผลิตภัณฑ์ของ Apple
- ช่างที่ทำงานที่นี่ได้รับการฝึกอบรมและได้รับการรับรองจาก Apple
- ร้านเหล่านี้มักจะมีค่าซ่อมที่ต่ำกว่าศูนย์บริการของ Apple แต่ยังคงใช้อะไหล่แท้
- ร้านแนะนำ มิสเตอร์เซอร์วิส ซ่อมไอโฟน
การเปรียบเทียบราคาและบริการ
- ศูนย์บริการของ Apple มักจะมีค่าซ่อมที่สูงกว่า แต่ให้ความมั่นใจในคุณภาพการซ่อมและอะไหล่
- ร้านซ่อมที่ได้รับการรับรองจาก Apple อาจมีค่าซ่อมที่ต่ำกว่า แต่ยังคงมีคุณภาพการซ่อมที่ดี
- ควรตรวจสอบรีวิวและคำแนะนำจากลูกค้าที่ใช้บริการแล้วเพื่อเปรียบเทียบราคาและคุณภาพการบริการ
การเลือกใช้บริการซ่อมขึ้นอยู่กับความต้องการและงบประมาณของแต่ละคน แต่การเลือกใช้บริการที่ได้รับการรับรองจาก Apple จะช่วยให้มั่นใจได้ว่าเครื่องของคุณได้รับการซ่อมแซมอย่างถูกต้องและมีคุณภาพ.

วิธีการสำรองข้อมูลก่อนส่งซ่อม

การสำรองข้อมูลผ่าน iCloud
- iCloud คือบริการคลาวด์ของ Apple ที่ช่วยให้คุณสามารถสำรองข้อมูลจาก iPhone, iPad หรือ iPod touch ของคุณได้อัตโนมัติ
- เมื่อคุณเปิดใช้งานการสำรองข้อมูลผ่าน iCloud, ข้อมูลของคุณจะถูกสำรองขึ้น iCloud ทุกครั้งที่เครื่องเชื่อมต่อกับ Wi-Fi
- การสำรองข้อมูลผ่าน iCloud จะรวมถึง รูปภาพ, แอป, การตั้งค่า, ข้อมูลแอปและอื่น ๆ
การสำรองข้อมูลผ่าน iTunes
- iTunes คือโปรแกรมของ Apple ที่ให้คุณจัดการและสำรองข้อมูลจากอุปกรณ์ iOS ของคุณ
- เมื่อเชื่อมต่ออุปกรณ์ของคุณกับคอมพิวเตอร์และเปิด iTunes, คุณสามารถเลือกสำรองข้อมูลของคุณไปยังคอมพิวเตอร์
- การสำรองข้อมูลผ่าน iTunes จะรวมถึงทุกอย่างในอุปกรณ์ของคุณ รวมถึง แอป, รูปภาพ, วิดีโอ, ข้อความ, การตั้งค่า และอื่น ๆ
การตรวจสอบการสำรองข้อมูลล่าสุด
- สำหรับ iCloud: เปิด การตั้งค่า > ชื่อของคุณ > iCloud > การสำรองข้อมูล แล้วดูวันและเวลาการสำรองข้อมูลล่าสุด
- สำหรับ iTunes: เปิด iTunes และไปที่ การตั้งค่า > อุปกรณ์ แล้วดูวันและเวลาการสำรองข้อมูลล่าสุด
การสำรองข้อมูลเป็นขั้นตอนที่สำคัญเพื่อป้องกันการสูญเสียข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นการสำรองผ่าน iCloud หรือ iTunes, ควรตรวจสอบว่าคุณได้สำรองข้อมูลของคุณอย่างสม่ำเสมอ.

คำแนะนำในการป้องกันไม่ให้จอแตกในอนาคต

การใช้เคสป้องกันกระแทก
- เคสป้องกันกระแทกถูกออกแบบมาเพื่อป้องกัน iPhone จากการตกหรือกระแทกกับวัตถุแข็ง ซึ่งสามารถทำให้หน้าจอแตกหรือเกิดความเสียหายกับอุปกรณ์
- การเลือกเคสที่มีคุณภาพดีและเหมาะสมกับการใช้งานจะช่วยลดความเสี่ยงจากการกระแทก
- บางเคสยังมีฟีเจอร์เพิ่มเติม เช่น การป้องกันน้ำ หรือมีช่องเสียบสายหูฟัง
การป้องกันจากความชื้นและน้ำ
- แม้ว่า iPhone บางรุ่นจะมีคุณสมบัติทนน้ำ แต่การป้องกันจากการสัมผัสกับน้ำยังคงเป็นสิ่งสำคัญ
- ควรหลีกเลี่ยงการนำ iPhone ไปในสถานที่ที่มีความชื้นสูง เช่น ห้องอาบน้ำ หรือสระว่ายน้ำ
- หาก iPhone โดนน้ำ, ควรปิดเครื่องและใช้ผ้าซับน้ำ และวางในที่แห้งแล้วรอจนกว่าเครื่องจะแห้งทั้งหมด
การเก็บในที่ปลอดภัยเมื่อไม่ใช้งาน
- ควรเก็บ iPhone ในที่ที่มีการระบายอากาศดีและหลีกเลี่ยงการเก็บในที่ที่มีอุณหภูมิสูงเกินไป
- การใช้ถุงซิปล็อคสำหรับเก็บ iPhone เมื่อไม่ใช้งานสามารถช่วยป้องกันความชื้นและฝุ่น
- หลีกเลี่ยงการวาง iPhone ในที่ที่มีความเสี่ยงจากการตกหรือกระแทก เช่น ขอบโต๊ะ หรือพื้น
การดูแลรักษา iPhone ให้มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน ต้องพิจารณาหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นการป้องกันกระแทก, ความชื้น, หรือการเก็บรักษาอย่างถูกต้อง.

ส่วนประกอบหลักๆของหน้าจอไอโฟนมีอะไรบ้าง?

เราจะอธิบายส่วนประกอบหลักๆ 3 ส่วนเพื่อทำให้คนทั่วไปเข้าใจง่ายๆ

ชั้นกระจก คือ ชั้นนอกสุดของหน้าจอไอโฟนมีหน้าที่ปกป้องจอแสดงผลข้างใน
ชั้นทัชสกรีน คือ ชั้นที่จะทำให้เราสามารถเอานิ้วสัมผัสหน้าจอแล้วมันจะทำตามคำสั่งเรานั่นเองเรียกว่าการทัชสกรีน
ชั้นจอแสดงผล คือ ชั้นที่เปราะบางที่สุดมีหน้าที่แสดงผลภาพให้เราดูนั่นเองหากเสียหายจะไม่สามารถซ่อมแซมให้กลับมาเหมือนเดิมได้

ทุกคนคงรู้กันคร่าวๆ แล้วใช่ไหมครับว่าหน้าจอแบ่งออกเป็นกี่ส่วนซึ่งจะสามารถช่วยให้เราสามารถเข้าใจได้ว่าหน้าจอไอโฟนของเราควรเปลี่ยนหรือควรซ่อมดี

แต่รู้ไหมครับว่าจริงๆแล้วหน้าจอไอโฟนของเราไม่ได้มีแค่ 3 ชั้น มันยังมีชั้นอื่นๆอีกหลายชั้นแต่ผมจะไม่ขอพูดถึงเพราะมันเป็นการลงลึกรายละเอียดมากจนเกินไปซึ่งการซ่อมหลักๆก็จะมีแค่ 3 ชั้นนี้หากลึกลงไปมากกว่านี้ก็ไม่สามารถจะซ่อมได้แล้วแต่ก็มียกเว้นบางรุ่นที่มี Backlight ก็สามารถทำการเปลี่ยนได้เช่นกันซึ่งผมจะเอาไว้พูดในอนาคต

การซ่อมด้วยการลอกหน้าจอไอโฟน

ลอกจอไอโฟน คือ การลอกเปลี่ยนเฉพาะชั้นกระจกหน้าจอที่แตกออกแล้วเปลี่ยนกระจกใหม่เข้าไปแทนเราจะทำการลอกกระจกเมื่อหน้าจอยังใช้งานได้ปกติดีไม่มีเส้นหรือจุดด่างดำขึ้นตามจอ

เงื่อนไขในการลอกหน้าจอ

ไอโฟนต้องเป็นหน้าจอของแท้ ของเทียมจะไม่สามารถลอกเปลี่ยนกระจกหน้าจอได้
บนหน้าจอจะต้องไม่มีร่องรอยผิดปกติ เช่น จุดดำขึ้นตามจอ สีเพี้ยน โดนน้ำ จอแสดงผลไม่ปกติอย่างที่ควรจะเป็น
หน้าจอต้องทัชสกรีนได้ในกรณีที่เป็นรุ่นที่ต่ำกว่า iPhone X เช่น iPhone 6 iPhone 6+ iPhone 6s iPhone 6s+ iPhone 7 iPhone 7+ iPhone 8 iPhone 8+ หากทัชสกรีนรวนจะไม่สามารถซ่อมได้ต้องเปลี่ยนหน้าจอไอโฟนอย่างเดียว
สำหรับรุ่น iPhone X iPhone Xs iPhone XR iPhone Xs Max iPhone 11 iPhone 11 Pro iPhone 11 Pro Max iPhone 12 mini iPhone 12 iPhone 12 Pro iPhone 12 Pro Max iPhone 13 mini iPhone 13 iPhone 13 Pro iPhone 13 Pro Max iPhone 14 iPhone 14 Plus iPhone 14 Pro และ iPhone 14 Pro Max Phone 15 iPhone 15 Plus iPhone 15 Pro และ iPhone 15 Pro Max บางรุ่นจะมีทัชสกรีนแยกหากทัชสกรีนรวนทัชไม่ได้บางจุดหรือทัชสกรีนไม่ได้ทั้งหน้าจอเราสามารถลอกเปลี่ยนทัชสกรีนใหม่ได้